สวัสดีเช้าวันพุธกับบทเรียนในระดับ A2 ตามมาตรฐาน CEFR ค่ะ วันนี้ศูนย์ภาษาขอนำเสนอบทเรียนเกี่ยวกับการใช้ Simple Past Tense กันค่ะ

Release Date : 11-05-2022 00:00:00
สวัสดีเช้าวันพุธกับบทเรียนในระดับ A2 ตามมาตรฐาน CEFR ค่ะ วันนี้ศูนย์ภาษาขอนำเสนอบทเรียนเกี่ยวกับการใช้ Simple Past Tense กันค่ะ

ทุกท่านน่าจะพอคุ้น ๆ กับไวยากรณ์ตัวนี้เลยใช่ไหมคะ อย่างที่เราทราบกันดีค่ะว่า Simple Past Tense จะใช้กับเหตุการณ์ที่จบก่อนปัจจุบัน หรือพูดง่าย ๆ คือ ใช้กับอะไรที่จบไปแล้ว หรือเป็นอดีตนั่นเองค่ะ 
การผันกริยาช่องที่ 1 หรือ Infinitive (รูปของกริยาที่ยังไม่ได้ผัน) ให้เป็นกริยาช่องที่ 2 รูปอดีตนั้น โดยส่วนมากจะเติม ed ลงท้ายหลังคำกริยานั้น ๆ เช่น close - closed (ปิด) work - worked (ทำงาน) เป็นต้น แต่จะมีบางคำกริยาที่ดูแปลกตาไปเมื่อผันเป็นกริยาช่องที่ 2 คำกริยาที่กล่าวถึงนี้เป็นคำกริยาไม่ปกติ (Irregular) กริยาดังกล่าวจะไม่มีการเติม ed ลงท้าย แต่จะเปลี่ยนรูปแทน เช่น begin - began (เริ่ม) หรือในตัวอย่างที่ write (เขียน) ก็ไม่ได้ผันเป็น writed แต่อย่างใด กลับกลายเป็น wrote ในรูปอดีตแทน และที่เราน่าจะได้ใช้บ่อย ๆ และพอคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วก็คือ do ที่เปลี่ยน did (ทำ) หรือ be ที่เปลี่ยนเป็น was/were (เป็น อยู่ คือ)
เมื่อเราพอเข้าใจการผันกริยาแล้ว ต่อไปจะเป็นการแต่งประโยคค่ะ ลำดับแรกคือการแต่งประโยคบอกเล่า ในตัวอย่างที่ปรากฏใน Infographic แผ่นแรกเขียนว่า “I went to The Circle Ratchapruk last Friday. I really enjoyed shopping there.” (ฉันไปเดอะเซอร์เคิลราชพฤกษ์มาเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ฉันสนุกไปกับการช็อปปิงที่นั่นมาก) เราจะเห็นการใช้ went ซึ่งมาจาก go (ไป) และการใช้ enjoyed ที่เป็นการเติม ed ต่อท้าย ในประโยคนี้ที่น่าสนใจก็คือการใช้คำบอกเวลาเพื่อระบุให้แน่ชัดว่าเหตุการณ์ที่ผู้พูดพูดถึงนี้ได้จบลงไปแล้ว เพราะมีคำว่า last Friday หรือวันศุกร์ที่แล้วอยู่ในประโยค
หรือในอีกตัวอย่าง I played the clarinet for a year. It was in 2013 when I was 15. (ฉันเคยเล่นคลาริเน็ตอยู่ปีหนึ่ง มันเป็นช่วงปี 2013 ตอนฉันอายุ 15 ปี) เราจะเห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจบไปแล้วจริง ๆ เพราะผู้พูดระบุชัดเจนว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 2013 (It was in 2013) และเกิดขึ้นเพียงแค่ 1 ปี (for a year)
ในตัวอย่างต่อมาจะมีทั้งการแต่งประโยคคำถามและการแต่งประโยคปฏิเสธ 
A: Was Cristino Ronaldo born in 1989? (คริสเตียโน โรนัลโดเกิดปี 1989 ใช่ไหม)
B: No, he wasn't. He was born in 1985. (ไม่ เขาไม่ได้เกิดปี 1989 เขาเกิดปี 1985 )
การแต่งประโยคคำถามเราจะต้องพิจารณาว่าเราควรจะใช้ did หรือ was/were กริยาช่วยในการแต่งประโยคคำถาม ในตัวอย่าง born เป็น adjective หรือคำคุณศัพท์ ท่านจะต้องพิจารณาเลือกใช้ was/were เป็นกริยาช่วย หากในประโยคนั้นมีคำกริยา เช่น He slept for 8 hours last night. (เขานอนไปแปดชั่วโมงเมื่อคืนนี้) ถ้าเราอยากจะถามว่า เขาได้นอนบางไหมเมื่อคืน เพราะดูจากท่าทางเขาอาจจะยังไม่ได้นอนเลย เราก็ถามไปว่า Did he sleep last night? (เขาได้นอนบ้างไหม) ใช้ did เป็นกริยาช่วยในการตั้งคำถาม
ส่วนประโยคปฏิเสธ จากตัวอย่าง B ตอบว่า No, he wasn’t. He was born in 1985. เมื่อคำถามขึ้นต้นด้วย Was คำตอบก็ควรจะเป็น Was และตามด้วย he wasn’t / he was not. รูปปฏิเสธคือ was + not แต่ถ้าเป็นกริยาอื่นในรูปปฏิเสธให้ใช้ did not + verb ที่ยังไม่ผัน เช่น didn’t sleep, did not take a break เป็นต้น
เมื่อเราสร้างประโยคกันเป็นแล้ว เรามาดูในส่วนของ Time expressions หรือคำบอกเวลากันอีกสักนิดค่ะ เราจะเห็นได้ชัดจากในตัวอย่างเมื่อกี๊เลยค่ะว่า ประโยคในรูปอดีตจะมีการใช้คำบอกเวลาเพื่อยืนยันและระบุอย่างชัดเจนว่าเหตุการณ์ที่พูดถึงนั้นจบสิ้นไปแล้ว คำที่เรามักเจอกันบ่อย ๆ ก็คือคำว่า yesterday (เมื่อวาน) หรือ ago (ที่แล้ว) ที่วิธีการใช้ก็คือ time word (วัน/เดือน/ปี)+ago เช่น a month ago เป็นต้น เรามักจะเจอ last week, last month และ from .... to ..... เช่น World War II was a global war that lasted from 1939 to 1945. (สงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่ในช่วงปี 1939-1945)
ขอให้ทุกท่านลองทบทวนบทเรียนที่เราได้เรียนในวันนี้อีกสักรอบแล้วเริ่มทำแบบฝึกหัดใน Infographic แผ่นที่ 3 ได้เลยค่ะ เฉลยพร้อมคำแปลจะอยู่ใน Infographic แผ่นสุดท้ายค่ะ